6 เมษายน ของทุกปี วันจักรี

  1. IAm
    IAm

    ขอบคุณ รูปภาพจาก http://www.zabzaa.com/event/chakri.htm


    ************************************************************

    สำหรับฉัน วันหยุด ก็คือวันหยุด....
    ....เย้ๆ ดีใจจัง...วันหยุด ไม่ต้องไปเรียน ไม่ต้องทำงาน นอน พักผ่อน ชอบปิ้ง ไปเที่ยว ....

    6 เมษายน ของปีก่อนๆ ก็เช่นกัน วันจักรี ก็แค่...วันหยุด

    สืบเนื่องจาก กระทู้ 23 คุลาคม 2552 "ประเทศไทยกำลังเหมือนเรือที่ผุทั้งลำ"
    โดย คุณ yourfwd เมื่อ 23 ตุลาคม 2553

    ทำให้ฉัน ได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไม...ต้องมีวันเหล่านี้

    วันที่ 5 เม.ย 54 ฉันได้แต่ ดีใจ ดีใจจัง พรุ่งนี้ วันหยุด
    ไปไหนดี จะทำอะไรดี....

    ได้บอกกับน้องคนหนึ่งว่า พรุ่งนี้พี่หยุด วันจักรี
    แล้วก็เกิดคำถามว่า คืออะไรนะ วันจักรี
    อืม...ไม่รู้.....

    รู้แต่ ฉันจะนอนตื่นสาย กิน เที่ยวลั่ลล้า ...


    แต่.....เมื่อ 200ปี ที่แล้ว เกิดจลาจลขึ้นในบ้านเมือง
    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงปราบปรามจนราบคาบ
    พระองค์ เสด็จกรีฑาทัพ ถึงพระมหานคร
    อาณาประชาราษฏร์ กราบทูลเชิญขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์



    แค่ 1 วัน ใน 1 ปี เพื่อให้เราได้ระลึกถึง.....


    หากไม่มีวันนี้ในอดีต ก็ไม่มี วันนี้...ที่เราได้มีชิวิต ได้มีแผ่นดิน อาศัยอยู่ ร่วมกัน...


    "ประเทศชาติ ที่เป็นอยู่มาได้ทุกวันนี้ ไม่ได้ ด้วยความบังเอิญ "

    >>ขอบคุณข้อความคุณyourfwd ใน กระทู้เพลง(ของ)ชาติไทย... ที่ผมฟัง<<


    ขอรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของ พระมหากษัตริย์ไทย ผู้เสียสละ ทุกพระองค์ค่ะ




    ************************************************************

    พระราชประวัติพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 (พ.ศ. 2327 - 2352)

    ท่านพระนามเดิม "ทองด้วง" เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (พระอักษรสุนทรทองดี)
    ทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2378 ในรัชกาลสมเด็จพระบรมโกศ ได้สมรสกับธิดาคหบดีบ้านอัมพวา ตำบลบางช้าง จังหวัดสมุทรสงคราม
    หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าในพ.ศ. 2310 แล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรี ได้กู้อิสรภาพและสร้างกรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานี
    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ได้เข้ารับราชการกับ สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงพระปรีชาสามารถในการรบจนเป็นที่โปรดปราน นับเป็นขุนพลคู่พระทัยฝ่ายขวา ได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพในสงครามครั้งสำคัญหลายครั้ง ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ใน พ.ศ. 2319

    เมื่อถึง พ.ศ. 2325 เกิดจลาจลขึ้นในบ้านเมือง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงปราบปรามจนราบคาบ ข้าราชการทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันอัญเชิญขึ้นปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ ต่อมาโปรดให้สร้างราชธานีใหม่ขึ้น ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา คือ กรุงเทพมหานคร ทรงย้ายมาประทับในพระนครใหม่ใน พ.ศ. 2327

    พระราชกรณียกิจส่วนใหญ่ ในรัชกาล ได้แก่

    การสงคราม
    เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติหลายครั้ง ครั้งสำคัญที่สุด คือ สงครามเก้าทัพ ในปี พ.ศ. 2327

    การปกครองประเทศ
    ทรงจัดแบ่งตามแบบกรุงศรีอยุธยา และโปรดให้ ชำระกฎหมายบทต่างๆ ให้ถูกต้องและจารลงสมุดไว้เป็นหลักฐาน 3 ฉบับ

    ทางด้านศาสนา
    โปรดให้สังคายนาพระไตรปิฎก พ.ศ. 2331
    และจารฉบับทองประดิษฐานไว้ในหอพระมณเฑียรธรรม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
    นอกจากนี้ยังทรงสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์พระอารามและพระพุทธรูปต่างๆ เป็นอันมาก

    ทางด้านวรรณคดีและศิลปกรรม
    ทรงฟื้นฟูวรรณคดีไทยซึ่งเสื่อมโทรมตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาแตกให้ กลับคืนดีอีกวาระหนื่ง
    ทรงส่งเสริมและอุปถัมภ์กวีในราชสำนัก บทพระราชนิพนธ์ที่สำคัญ เช่น บทละคร เรื่องรามเกียรติ์ เป็นต้น
    งานทางด้านศิลปกรรมนั้นเป็นผลเนื่องมาจากการที่ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์และสร้าง พระอารามเป็นจำนวนมาก
    เป็นการเปิดโอกาสให้ช่างฝีมือด้านต่างๆ มีงานทำและได้ผลิตงานฝีมือชิ้นเอกไว้

    ปัจจุบันมีวันที่ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
    คือ วันที่ระลึกมหาจักรี ได้แก่วันที่ 6 เมษายนของทุกปี จะมีพิธีถวายบังคมพระบรมรูป ณ เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า



    ขอบคุณ ข้อมูล จาก
    http://www.zabzaa.com/event/chakri.htm
    http://www.tlcthai.com/webboard/view...&post_id=30336
  2. Nakderntang
    Nakderntang
    ขอบคุณ คุณ IAm มากค่ะ

    ที่ทำให้รู้สึก และระลึกได้ว่า วันสำคัญ ไม่ใช่แค่วันหยุด

    และที่ให้ เรา หยุด ทำงาน จะได้ มีโอกาส หยุด เพื่อ ทบทวน และระลึกถึง
    โอกาสที่เราได้รับ จากการเสียสละและรับผิดชอบของบรรพบุรุษเราในอดีต

    ขอนำไปแบ่งปันนะคะ


    และ
    ขอ ร่วม รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของ พระมหากษัตริย์ไทย ผู้เสียสละ ทุกพระองค์ค่ัะและผู้เสียสละทุกคน ที่ทำให้เรามีโอกาสได้อาศัยอยู่ร่วมกันค่ะ
  3. PO
    PO
    Quote Originally Posted by iam View Post


    แต่.....เมื่อ 200ปี ที่แล้ว เกิดจลาจลขึ้นในบ้านเมือง
    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงปราบปรามจนราบคาบ
    พระองค์ เสด็จกรีฑาทัพ ถึงพระมหานคร
    อาณาประชาราษฏร์ กราบทูลเชิญขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์



    แค่ 1 วัน ใน 1 ปี เพื่อให้เราได้ระลึกถึง.....


    หากไม่มีวันนี้ในอดีต ก็ไม่มี วันนี้...ที่เราได้มีชิวิต ได้มีแผ่นดิน อาศัยอยู่ ร่วมกัน...


    "ประเทศชาติ ที่เป็นอยู่มาได้ทุกวันนี้ ไม่ได้ ด้วยความบังเอิญ "

    ขอบคุณข้อความคุณyourfwd ใน กระทู้เพลง(ของ)ชาติไทย... ที่ผมฟัง


    ขอรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของ พระมหากษัตริย์ไทย ผู้เสียสละ ทุกพระองค์ค่ัะ


    เพื่อนๆสามารถ อ่านประวัติของวันจักรี ได้จาก
    http://www.zabzaa.com/event/chakri.htm
    http://www.tlcthai.com/webboard/view...&post_id=30336
    และ ขอบคุณ ข้อมูลจากเว็บ ดังกล่าว

    อยู่มาจนแก่ป่านนี้ เพิ่งทราบความเป็นมา เอ.. หรือเด็กๆเราเคยเรียนแล้วแต่ลืม t t 555

    ขอบคุณมากๆๆๆเลยนะคะที่นำมาเล่าให้ฟังจะได้เอาไปบอกน้อง บอกเพื่อนๆกันต่อ ว่าวันที่เรารู้สึกแค่ว่ามันคือวันหยุดนอนเล่นตีพุง จริงๆแล้วควรเป็นวันที่ให้เราได้รำลึก ว่าที่มีบ้านเมือง มีผืนแผ่นดินอยู่มาได้นี้ มีบรรพบุรุษเค้าเอาชีวิตเข้าเสี่ยง เข้าแลก ตรากตรำทำงาน เพื่อให้เราได้ยังมีแผ่นดินอาศัย

    แล้วคนในอดีตเค้าก็ใจดีพอที่จะรู้ว่านี่คือ คุณประโยชน์ ใหญ่หลวง ที่ควรให้ลูกหลานได้จำให้ได้ และ เพื่อให้เป็นแบบอย่าง แก่คนรุ่นหลัง จะได้จำได้ว่าแบบนี้ เ้ค้าเรียกว่า "น่ายกย่อง" เผื่อเวลาผ่านไปเข้าถึงกลียุค ที่ผิดเป็นชอบ (รู้สึกเหมือนถึงแล้วเลย -''-) จะได้พอมีอะไรยึดไว้ให้ดูเป็นแบบอย่าง เช่นเดียวกับวันพ่อของพวกเรา หวังว่าลูกหลานเราในอนาคต จะได้ไม่ลืม พอถึงวันที่ห้าธันวาในอนาคตอีกหลายสิบหลายร้อยปี ว่า ในหลวงของเราคือใคร และท่านทรงเสียสละมากมายขนาดไหนเพื่อความสุขของคนในประเทศ


    ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ นะคะ ถ้าไม่บอกคงไม่รู้จริงๆว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นในอดีต รู้สึกอายตัวเองมากอ่ะ 555 ><
  4. IAm
    IAm
    ขอบคุณ คุณ Nakderntang และ คุณ PO ค่ะ ที่เข้ามาพูดคุย และ บอกสิ่งที่รู้สึก

    Quote Originally Posted by Nakderntang View Post

    ให้ เรา หยุด ทำงาน จะได้ มีโอกาส หยุด เพื่อ ทบทวน และระลึกถึง
    โอกาสที่เราได้รับ จากการเสียสละและรับผิดชอบของบรรพบุรุษเราในอดีต

    ขอบคุณค่ะ คุณ Nakderntang
    ชอบประโยคนี้ค่ะ "หยุด เพื่อ ทบทวน และระลึกถึง "


    Quote Originally Posted by PO View Post

    แล้วคนในอดีตเค้าก็ใจดีพอที่จะรู้ว่านี่คือ คุณประโยชน์ ใหญ่หลวง ที่ควรให้ลูกหลานได้จำให้ได้ และ เพื่อให้เป็นแบบอย่าง แก่คนรุ่นหลัง จะได้จำได้ว่าแบบนี้ เค้าเรียกว่า "น่ายกย่อง" เผื่อเวลาผ่านไปเข้าถึงกลียุค ที่ผิดเป็นชอบ (รู้สึกเหมือนถึงแล้วเลย -''-) จะได้พอมีอะไรยึดไว้ให้ดูเป็นแบบอย่าง
    เช่นเดียวกับวันพ่อของพวกเรา หวังว่าลูกหลานเราในอนาคต จะได้ไม่ลืม พอถึงวันที่ห้าธันวาในอนาคตอีกหลายสิบหลายร้อยปี ว่า ในหลวงของเราคือใคร และท่านทรงเสียสละมากมายขนาดไหนเพื่อความสุขของคนในประเทศ

    T^T ....ซึ้ง..ปน เศร้า...
    ขอบคุณค่ะ คุณ PO


    จากที่ได้อ่านของ คุณ Nakderntang และ คุณ PO รู้สึกได้ว่า..
    เค้าให้ วันนี้เป็นวันหยุด เพื่อ ให้เรา หยุด คิด เรื่องของตัวเอง
    .... ให้เราได้ระลึกถึง และ ไม่ลืม......
  5. nicolas
    nicolas
    ราชวงศ์จักรีทรงพระเจริญ
  6. bookerian
    bookerian
    Quote Originally Posted by IAm View Post
    สืบเนื่องจาก กระทู้ 23 คุลาคม 2552 "ประเทศไทยกำลังเหมือนเรือที่ผุทั้งลำ"
    โดย คุณ yourfwd เมื่อ 23 ตุลาคม 2553

    ทำให้ฉัน ได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไม...ต้องมีวันเหล่านี้
    ไม่เคยตั้งคำถามอันนี้เลยค่ะ รู้สึกว่าเป็นคำถามที่เราควรถาม "ทำไม...ต้องมีวันเหล่านี้"
    ขอบคุณค่ะที่ชวนให้ตั้งคำถาม..และเห็นด้วยกับคำตอบ ว่า"เพื่อให้เราได้ระลึกถึง....."

    อ่านประวัติรัชกาลที่ 1 แล้วเห็นจริงๆว่าพระองค์เสียสละ ด้วยชีวิต ออกทำสงครามเพื่อรักษาแผ่นดินไว้ให้ลูกหลานไทย ไม่ได้สุขสบาย ไม่ได้หลบหนี ..

    ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ นี้ด้วยค่ะ ช่วยทำให้คิดได้ว่า เพราะมีกษัตริย์ที่เสียสละ จึงยังมี ชาติไทย มาจวบจนวันนี้
  7. bookerian
    bookerian
    อ่านจากพระราชประวัติที่คุณ IAm นำมาให้อ่าน ..เลยอยากรู้เกี่ยวกับ สงครามเก้าทัพ ขอนำมาลงไว้ในกระทู้ค่ะ

    สงครามเก้าทัพ เป็นสงครามระหว่างอาณาจักรพม่ากับอาณาจักรไทย หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เป็นราชธานีแห่งใหม่ เวลานั้นบ้านเมืองอยู่ในช่วงผ่านศึกสงครามมาใหม่ ๆ ประจวบทั้งการสร้างบ้านแปลงเมือง รวมทั้งปราสาทราชวังต่าง ๆ ในปี พ.ศ. 2328 พระเจ้าปดุง กษัตริย์พม่า หลังจากบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์อังวะแล้ว ต้องการประกาศแสนยานุภาพ เผยแผ่อิทธิพล โดยได้ทำสงครามรวบรวมเมืองเล็กเมืองน้อยรวมถึงเมืองประเทศราชให้เป็นปึกแผ่น แล้วก็ได้ยกกองกำลังเข้ามาตีไทย โดยมีจุดประสงค์ทำสงครามเพื่อทำลายกรุงรัตนโกสินทร์ให้พินาศย่อยยับเหมือน เช่นกรุงศรีอยุธยา [1] สงครามครั้งนี้พระเจ้าปดุงได้ยกทัพมาถึง 9 ทัพ รวมกำลังพลมากถึง 144,000 นาย โดยแบ่งการเข้าโจมตีกรุงรัตนโกสินทร์ออกเป็น 5 ทิศทาง
    • ทัพที่ 1 ได้ยกมาตีหัวเมืองประเทศราชทางปักษ์ใต้ตั้งแต่เมืองระนองจนถึงเมืองนครศรีธรรมราช
    • ทัพที่ 2 ยกเข้ามาทางเมืองราชบุรีเพื่อที่จะรวบรวมกำลังพลกับกองทัพที่ตีหัวเมืองปักษ์ใต้แล้วค่อยเข้าโจมตีกรุงรัตนโกสินทร์
    • ทัพที่ 3 และ 4 เข้ามาทางด่านแม่ละเมาแม่สอด
    • ทัพที่ 5-7 เข้ามาทางหัวเมืองฝ่ายเหนือตั้งแต่เชียงแสน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตีตั้งแต่หัวเมืองฝ่ายเหนือลงมาสมทบกับทัพที่ 3 4 ที่ยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมา เพื่อตีเมืองตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก นครสวรรค์
    • ทัพที่ 8-9 เป็นทัพหลวงพระเจ้าปดุงเป็นผู้คุมทัพ โดยมีกำลังพลมากที่สุดถึง 50,000 นาย ยกเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์เพื่อรอสมทบกับทัพเหนือ และใต้โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเข้ารบกับกรุงเทพฯ

    วลานั้นทางฝ่ายไทยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รวบรวมกำลังไพล่พลได้เพียง 70,000 นายมีกำลังน้อยกว่าทัพพระเจ้าพม่าถึง 2 เท่า ประจวบเป็นทหารรบเดิมของพระเจ้ากรุงธนบุรีที่เคยกอบกู้บ้านเมืองสมัยเสีย กรุงศรีอยุธยาไว้ได้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงทรงปรึกษาวางแผนการรับข้าศึกกับ สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ว่าจะทำการป้องกันบ้านเมืองอย่างไร แผนการรบของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ คือจัดกองทัพออกเป็น 4 ทัพโดยให้รับศึกทางที่สำคัญก่อน แล้วค่อยผลัดตีทัพที่เหลือ
    • ทัพที่ ๑ ให้ยกไปรับทัพพม่าทางเหนือที่เมืองนครสรรค์
    • ทัพที่ ๒ ยกไปรับพม่าทางด้านพระเจดีย์สามองค์ ทัพนี้เป็นทัพใหญ่ มีสมเด็จพระบวรราชเจ้ามาหาสุรสิงหนาทเป็นแม่ทัพ คอยไปรับทัพหลวงของพระเจ้าปดุงที่เข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์
    • ทัพที่ ๓ ยกไปรับทัพพม่าที่จะมาจากทางใต้ที่เมืองราชบุรี
    • ทัพที่ ๔ เป็นทัพหลวงโดยมีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เป็นผู้คุมทัพคอยเป็นกำลังหนุน เมื่อทัพไหนเพลี้ยงพล้ำก็จะคอยเป็นกำลังหนุน


    สมเด็จพระอนุชาธิราช พระบวรราชเจ้ามาหาสุรสิงหนาท ได้ยกกองทัพไปถึงเมืองกาญจนบุรี [2] ตั้งรับทัพอยู่บริเวณทุ่งลาดหญ้า เชิงเขาบรรทัด สกัดกั้นไม่ให้ทัพพม่าได้เข้ามารวบรวมกำลังพลกันได้ นอกจากนี้ยังจัดกำลังไปตัดการลำเลียงเสบียงของพม่าเพื่อให้กองทัพขาดเสบียง อาหาร แล้วยังใช้อุบาย โดยทำเป็นถอยกำลังออกในเวลากลางคืน ครั้นรุ้งเช้าก็ให้ทหารเดินเข้ามาผลัดเวร เสมือนว่ามีกำลังมากมาเพิ่มเติมอยู่เสมอ เมื่อทัพพม่าขาดแคลนเสบียงอาหารประจวบกับครั้นคร้ามคิดว่ากองทัพไทยมีกำลัง มากกว่า จึงไม่กล้าจะบุกเข้ามาโจมตี สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเมื่อสบโอกาสทำการโจมตีกองทัพ 8-9 จนถอยร่นพระเจ้าปดุงเมื่อเห็นว่าไม่สามารถบุกโจมตีต่อได้ประจวบทั้งกองทัพ ขาดเสบียงอาหารจึงได้ถอยทัพกลับ สำหรับการโจมตีทางด้านอื่น ทางด้านเหนือพระยากาวิละเจ้าเมืองลำปางสามารถป้องกันทัพพม่าที่ยกมาทางหัว เมืองฝ่ายเหนือได้สำเร็จ

    ส่วนทัพที่บุกมาทางด่านแม่ละเมามีกำลังมากกว่าจึงสามารถตีเมืองพิษณุโลก ได้ แต่เมื่อเสร็จศึกทางด้านพระเจดีย์สามองค์แล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงเสด็จยกทัพขึ้นไปช่วยหัวเมืองทางเหนือ

    ส่วนทางปักใต้ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เมืองเสร็จศึกที่ลาดหญ้าแล้ว เสด็จยกทัพลงไปช่วยทางปักใต้ต่อ แต่ก่อนที่จะเสด็จไปถึงทัพพม่าได้โจมตีเมืองระนองถึง เมืองถลาง เวลานั้นเจ้าเมืองถลางเพิ่งจะถึงแก่กรรมยังไม่มีการตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ แต่ชาวเมืองถลางนำโดยคุณหญิงจันภริยาเจ้าเมืองถลางที่ถึงแก่กรรมและนางมุก น้องสาว ได้รวบรวมกำลังชาวเมืองต่อสู้ข้าศึกจนสุดความสามารถ สามารถป้องกันข้าศึกพม่าไม่ให้ยึดเมืองถลางไว้ได้ หลังเสร็จศึกแล้วพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้คุณหญิงจันเป็นท้าวเทพกษัตรีย์ (หรือท้าวเทพสตรี) นางมุกน้องสาวเป็นท้าวศรีสุนทร นอกจากนี้ทัพพม่าบางส่วนสามารถตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ และยกลงไปตีเมืองสงขลาต่อ เจ้าเมืองและกรมการเมืองสงขลาพอทราบข่าวทัพพม่าตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ด้วย ความขลาดจึงหลบหนีเอาตัวรอด แต่เจ้าเมืองพัทลุงพระยาขุนคางเหล็กและได้นิมนต์ภิษุรูปหนึ่งนามว่าพระมหา ช่วยมีชาวบ้านนับถือศรัทธากันมาก ได้ชักชวนชาวเมืองพัทลุงให้ต่อสู้ป้องกันสกัดทัพพม่าไม่ให้เข้ายึดเมือง พัทลุงได้ เมืองกองทัพสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ยกกองทัพลงมาช่วยหัวเมืองปักต์ใต้ ตีทัพพม่าตั้งแต่เมืองไชยาลงมาจนถึงนครศรีธรรมราช เมื่อทัพพม่าแตกพ่ายถอยร่นไปพ้นจากหัวเมืองปักต์ใต้แล้ว พระมหาช่วยต่อมาได้ลาสิกขาบทและเข้ารับราชการ

    อื่นๆ คำพูด พระราชวังบวรสุรสีหนาท ก่อนเข้าตีค่ายพม่าที่ทุ่งลาดหญ้า“ พวกเจ้าเป็นไพร่หลวง ข้าเป็นพระราชวงศ์ แต่เจ้ากับข้าเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือเราเป็นคนไทย เป็นเจ้าของแผ่นดินเหมือนกัน รบวันนี้เราจะแสดงให้ผู้รุกรานเห็นว่าเราหวงแหนแผ่นดินแค่ไหน รบวันนี้เราจะไม่กลับมาค่ายนี้อีกจนกว่าจะขับไล่ศัตรูไปพ้นชายแดน ข้าจะไม่ขอให้พวกเจ้ารบเพื่อใคร นอกจากรบเพื่อแผ่นดินของเจ้าเอง แผ่นดินที่เจ้ามอบให้ลูกหลานของเจ้าได้อยู่อาศัยอย่างเป็นสุขสืบไป”

    (ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org

    ขอทรงพระเจริญ
  8. yourfwd0
    yourfwd0
    Quote Originally Posted by po View Post
    อยู่มาจนแก่ป่านนี้ เพิ่งทราบความเป็นมา เอ.. หรือเด็กๆเราเคยเรียนแล้วแต่ลืม t t 555

    ขอบคุณมากๆๆๆเลยนะคะที่นำมาเล่าให้ฟังจะได้เอาไปบอกน้อง บอกเพื่อนๆกันต่อ ว่าวันที่เรารู้สึกแค่ว่ามันคือวันหยุดนอนเล่นตีพุง จริงๆแล้วควรเป็นวันที่ให้เราได้รำลึก ว่าที่มีบ้านเมือง มีผืนแผ่นดินอยู่มาได้นี้ มีบรรพบุรุษเค้าเอาชีวิตเข้าเสี่ยง เข้าแลก ตรากตรำทำงาน เพื่อให้เราได้ยังมีแผ่นดินอาศัย

    แล้วคนในอดีตเค้าก็ใจดีพอที่จะรู้ว่านี่คือ คุณประโยชน์ ใหญ่หลวง ที่ควรให้ลูกหลานได้จำให้ได้ และ เพื่อให้เป็นแบบอย่าง แก่คนรุ่นหลัง จะได้จำได้ว่าแบบนี้ เ้ค้าเรียกว่า "น่ายกย่อง" เผื่อเวลาผ่านไปเข้าถึงกลียุค ที่ผิดเป็นชอบ (รู้สึกเหมือนถึงแล้วเลย -''-) จะได้พอมีอะไรยึดไว้ให้ดูเป็นแบบอย่าง เช่นเดียวกับวันพ่อของพวกเรา หวังว่าลูกหลานเราในอนาคต จะได้ไม่ลืม พอถึงวันที่ห้าธันวาในอนาคตอีกหลายสิบหลายร้อยปี ว่า ในหลวงของเราคือใคร และท่านทรงเสียสละมากมายขนาดไหนเพื่อความสุขของคนในประเทศ


    ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ นะคะ ถ้าไม่บอกคงไม่รู้จริงๆว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นในอดีต รู้สึกอายตัวเองมากอ่ะ 555 ><
    ขอบคุณคุณ po ทีได้ ให้ปัญญา ให้ เหตุผล ที่ สำคัญยิ่ง อย่างหนึ่งว่า ทำไม ต้องมีวันสำคัญ
Results 1 to 8 of 8