อีกทางช่วยเหลือคนไทย โดย อนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา

  1. yourfwd0
    yourfwd0
    สำหรับผู้มีอำนาจ "คิดจะทำ กับ คิดจะไม่ทำ ความรับผิดชอบ นั้นต่างกัน"

    อีกทางช่วยเหลือคนไทย โดย อนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล
    เลขานุการแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา


    พระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. 2527 กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการโอนนักโทษไว้โดยมีหลักการสำคัญ ดังนี้


    1.ประเทศผู้โอนและประเทศผู้รับโอนจะต้องมีสนธิสัญญาระหว่างกันในเรื่องความร่วมมือในการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาคดีอาญา
    2.การโอนนักโทษจะต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้โอนกับประเทศผู้รับโอน และนักโทษซึ่งจะได้รับการโอน
    3.ความผิดที่นักโทษไทยหรือนักโทษต่างประเทศได้รับโทษอยู่ต้องเป็นความผิดที่มีโทษฐานใดฐานหนึ่งตามกฎหมายของประเทศผู้รับโอน
    4.นักโทษซึ่งจะได้รับการโอนต้องไม่อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีอาญาในความผิดอื่นหรืออยู่ในระหว่างการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ในประเทศผู้โอน
    5.การโอนนักโทษจะทำให้เกิดผลดีหรือเป็นประโยชน์แก่นักโทษผู้นั้น
    6.การโอนนักโทษจะมีผลกระทบต่อปัญหาอาชญากรรมและความรู้สึกของประชาชนในประเทศผู้โอนและประเทศผู้รับโอนเพียงใดหรือไม่ เมื่อคำนึงถึงลักษณะและความรุนแรงของการกระทำความผิด (มาตรา 6)

    ทั้งนี้ การดำเนินการโอนเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณาโอนนักโทษ ซึ่งมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานกรรมการ เจ้ากรมพระธรรมนูญ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา อธิบดีศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง อธิบดีกรมอัยการ อธิบดีกรมตำรวจ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายเป็นกรรมการ ผู้อำนวยการกองทัณฑวิทยากรมราชทัณฑ์เป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้อำนวยการกองสนธิสัญญากรมสนธิสัญญาและกฎหมายเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (มาตรา 9)

    สำหรับนักโทษไทยซึ่งประสงค์จะขอโอนมารับโทษต่อในราชอาณาจักรให้ยื่นคำขอพร้อมทั้งส่งเอกสารหลักฐานที่คณะกรรมการพิจารณาโอนนักโทษกำหนดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สถานทูตไทย หรือสถานกงสุลไทยที่มีอำนาจหน้าที่ประจำประเทศผู้โอน หรือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ กระทรวงการต่างประเทศแล้วแต่กรณี ซึ่งปัจจุบันกองสัญชาติและนิติกรกรมการกงสุลเป็นผู้ปฏิบัติและรับผิดชอบงานการโอนนักโทษ (มาตรา 12,13)

    ในการยื่นคำขอโอนนักโทษไทย ผู้ยื่นคำขอจะต้องใช้แบบพิมพ์ของทางราชการ “แบบคำขอโอนนักโทษไทย” พร้อมทั้งส่งเอกสารประกอบ ดังนี้

    1. หลักฐานแสดงสัญชาติของนักโทษ เช่น สูติบัตร บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือเดินทาง หรือหลักฐานอื่น

    2. สำเนาคำพิพากษาของศาล

    3. ทะเบียนประวัติการต้องโทษ สำเนาหมายจำคุกหรือกักขังเมื่อคดีถึงที่สุด และถ้ามีหมายลดโทษให้แนบมาด้วย
    4. ในกรณีที่นักโทษไม่ได้ยื่นคำขอด้วยตนเอง ผู้ยื่นคำขอต้องแสดงหลักฐานความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนักโทษด้วย

    ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอไม่สามารถจัดหาเอกสารหลักฐานประกอบคำขอได้ด้วยตนเอง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้จัดหาให้ (มาตรา 8)

    เมื่อได้รับคำขอพร้อมเอกสารครบถ้วนแล้ว พนักงานจะส่งคำขอและเอกสารต่อคณะกรรมการพิจารณาการโอนนักโทษพิจารณา คณะกรรมการจะต้องรีบพิจารณาและมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้มีการโอนนักโทษไทยโดยเร็ว แล้วชี้แจงคำสั่งดังกล่าวให้ผู้ยื่นคำขอทราบโดยผ่านกระทรวงการต่างประเทศ คำสั่งของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด (มาตรา 15)

    สิทธิในการได้รับอภัยโทษ เปลี่ยนโทษหนักเป็นเบาและลดโทษ การพักการลงโทษ การพักการกักกัน และการลดวันต้องโทษ นักโทษไทยมีสิทธิได้รับทั้งตามกฎหมายของประเทศผู้โอนและกฎหมายของประเทศไทยอีกด้วย (มาตรา 18 - 22)

    นับเป็นความโชคดีที่ในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 - 5 สิงหาคม 2552 โดยนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทย นายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศของกัมพูชา เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายกัมพูชาได้ลงนามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษาและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา (สนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ) ไว้แล้ว

    การโอนตัวนักโทษจึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งตามกฎหมายที่จะนำตัวคุณวีระ สมความคิด และคุณราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ กลับประเทศไทยที่เป็นหลักปฏิบัติในระดับเจ้าหน้าที่ฝ่ายประจำได้โดยตรง ยิ่งได้ทราบข่าวจากคุณพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัติย์ที่เคยถูกทหารเขมรจับ (ลักพา) ตัวไปพร้อมกับคุณวีระและคุณราตรี และการยืนยันจากคุณแม่และน้องชายของคุณวีระว่าคุณวีระกำลังป่วยหนักด้วยแล้ว จึงขอเรียกร้องผู้ที่มีอำนาจหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย โปรดรีบดำเนินการตามช่องทางนี้อีกทางหนึ่งโดยเร่งด่วนเถอะครับ เพราะไม่ทำให้การช่วยเหลือคนทั้งสองในแนวทางอื่นเสียหายไปแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพื่อเห็นแก่ความกล้าหาญและความเสียสละต่อประเทศชาติของคุณวีระและคุณราตรี ผมยินดีให้การสนับสนุนญาติของคุณวีระและคุณราตรีและผู้เกี่ยวข้องที่จะดำเนินการในเรื่องนี้เท่าที่ผมจะสามารถทำได้ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับ

    ในท้ายที่สุดนี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช พระแก้วมรกต เจ้าพ่อหลักเมือง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกได้โปรดคุ้มครองคุณวีระและคุณราตรีให้แคล้วคลาดปลอดภัยและได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยโดยเร็วด้วยครับ

    อนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล
    เลขานุการแผนกคดีอาญา
    ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา
    sa_anuruk @ yahoo.co.th


    ขอบคุณจากลิงค์ http://www.manager.co.th/Crime/ViewN...=9540000030384


    สังคมที่ไร้มุทิตา...
    คือ สังคม ที่ คนส่วนใหญ่ ไม่รู้ว่า ใครคือคนที่ทำให้

    เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนควรต้องมีหัวใจ
    สังคมนี้ แผ่นดินนี้ คงอยู่ ให้เรา อาศัย อยู่ร่วมกัน ได้ต่อไป
    "ผู้เสียสละทุกคน ที่ตาย ล้วนมีชีวิต และเรา ติดหนี้บุญคุณ"
    ขอบคุณใน ความเสียสละ ที่ทำให้เรา ได้อาศัยอยู่ร่วมกัน

    เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนควรต้องมีหัวใจ
    ด้วยความเคารพในความเสียสละ อย่างสูงยิ่ง
    ประเทศใคร.. ในหนึ่งวัน<Click>


    ความเห็นแก่ตัว ทำให้ คน โง่ ขึ้น
  2. yourfwd0
    yourfwd0
    มีคนกล่าวว่า...

    หากเราอยากอยู่ในประเทศ ที่ นักการเมืองไม่ขี้โกง
    อยากอยู่ในประเทศ ที่ ไม่มี คอรัปชั่น

    อยากอยู่ในประเทศ ที่มีความโปร่งใส ในการใช้งบประมาณทำงาน

    คุณ วีระ เป็นคนที่ ต่อสู้ ทำงาน เหล่านี้ แทนเรา
    ก็ หนีความจริงไม่พ้น ว่า...
    ความเสียสละ ของคุณ วีระ ทำให้เราไ้ด้อาศัยอยู่ร่วมกัน
    ในประเทศตามที่เราต้องการ อยากให้เป็น

    เสียใจ ที่ไม่มี ความรู้ ความคิด พอช่วยคนที่เราติดหนี้บุญคุณ
    เสียใจ ที่ ไม่สามารถ สอน คน ที่เคยสอน ให้รู้ได้ ว่า เรา ติดหนี้บุญคุณใคร

    ขอบคุณคุณ วีระ ในความเสียสละ ที่ทำให้เราได้อาศัยอยู่ร่วมกัน
    ในประเทศ ที่เรา อยากให้เป็น
    ประเทศ ที่ มีประชาชน ที่กล้า ปราบปราม พวกคอรัปชั่น

    สิ่งที่ต้องการจากทุกวิชาชีพในการอาศัยอยู่ร่วมกัน คือ "ความรับผิดชอบ"

    1. รับผิดชอบ ในวิชาชีพ
    2. รับผิดชอบ ในความเป็นมนุษย์

    แต่บังเอิญ เราไม่รู้ว่า ความเป็นมนุษย์ ของเรา อยู่ตรงไหน?
    และ ไม่รู้ ว่า วิชาชีพ เรา รับผิดชอบ ต่อ สิ่งใด...

    ขอบคุณ คุณ อนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล
    เลขานุการแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา

    ที่รับผิดชอบ ในวิชาชีพ และเสียสละ รับผิดชอบในความเป็นมนุษย์
  3. yourfwd0
    yourfwd0
    มีคนกล่าวว่า...

    การทำสิ่งใดให้สำเร็จ

    สำหรับ คนทั่วไป ต้องการ "ความมุ่งมั่น"
    สำหรับ ผู้มีอำนาจ ต้องการเพียง "ความรับผิดชอบ"
  4. yourfwd0
    yourfwd0
    "อนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล"ยันการโอนนักโทษช่วย"วีระ-ราตรี"ทำได้แน่

    เป็นเรื่องที่น่ามึนงงสงสัยและตกใจอย่างมาก ที่กระทรวงต่างประเทศได้ออกมาตอบโต้ทันที หลังจากบทความที่ผมเขียนด้วยความบริสุทธิ์เพียงเพื่อช่วยหาช่องทาง ช่วยเหลือคุณวีระและคุณราตรี ที่ต้องสูญเสียอิสรภาพและกำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสอยู่ในต่างประเทศจากข้อกล่าวหาที่อาจจะนับได้ป่าเถื่อน ไร้มาตรฐาน และปราศจากความชอบธรรมอย่างสิ้นเชิง ให้มีโอกาสได้เดินทางกลับมาประเทศไทยโดยปลอดภัย เผยแพร่ทางสื่อมวลชน ว่า การช่วยเหลือ คุณวีระ และ คุณราตรี ด้วยการโอนนักโทษนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะไม่เข้าเงื่อนไขตามข้อกำหนดในสนธิสัญญาโอนนักโทษที่ต้องไม่ใช่ความผิดต่อความมั่นคง และต้องได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3

    ไม่มีใครปฏิเสธหลอกครับว่าการดำเนินการใดๆก็ตามที่ต้องกระทำเป็นทางการ และโดยเฉพาะที่ต้องเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ต้องมีหลักเกณฑ์เงื่อนไขและกฎระเบียบต่างๆกำหนดไว้ แต่การช่วยเหลือคนไทยทั้งสองคนที่กำลังทนทุกข์ทรมานดังกล่าวเป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนควรที่จะต้องมาร่วมมือร่วมใจกันหาหนทางช่วยเหลือโดยเร่งด่วน ไม่ใช่รีบออกมาโต้แย้งปฏิเสธเสียตั้งแต่ต้น โดยไม่ทันได้พิจารณาศึกษาให้รอบครอบครบถ้วนเสียก่อน ทำให้ข้อครหาที่ว่ารัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มีความจริงใจในการช่วยเหลือคุณวีระ และ คุณราตรี ยิ่งมีความสงสัยมากขึ้น

    คนติดคุกนะครับแค่เพียง 1 วัน ก็ทรมานใจอย่างยิ่งแล้ว นี้ถ้านับตั้งแต่ 29 ธันวาคม 2553 ที่คนทั้งสองถูกจับไปพร้อมกับคนไทยอีก 5 คน ถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 73 วันแล้ว นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ นายกษิต และพลเอกประวิตร ตลอดจนนายชวนนท์ นายธานี และนายประสาท ไม่เคยถูกจำคุกคงไม่ทราบถึงความรู้สึกตรงนี้

    หากย้อนกลับไปเรื่องนี้ตามข่าวที่ปรากฏจากสื่อมวลชนโดยทั่วไปรวมทั้การยอมรับของนายอภิสิทธิ์ เริ่มต้นจากการที่นายอภิสิทธิ์ มอบหมายให้นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัติย์ ไปตรวจสอบที่ดินบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ตามที่มีชาวบ้านร้องเรียน ว่าถูกชาวกัมพูชา บุกรุกที่ดินทำกิน นายพนิช จึงได้ขอร้องให้ร้อยโทแซมดินและคุณวีระ เป็นผู้พาไปจนกระทั่งคนไทยที่ร่วมเดินทางไปพร้อมกัน 7 คน ถูกทหารเขมรควบคุมตัวไปขึ้นศาลกัมพูชาจนเหตุการณ์บานปลายมาจนถึงวันนี้ นายอภิสิทธิ์ จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบต่อผลกรรมที่เกิดขึ้นกับคุณวีระและคุณราตรี ในขณะนี้ได้อย่างสิ้นเชิง

    แต่พฤติการณ์ที่ผ่านมานายกอภิสิทธิ์ และรัฐบาลของท่าน นอกจากจะยังไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นในการรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ให้เห็นเท่าที่ควรแล้ว ยังปรากฏพฤติการณ์ในลักษณะทำนองการกล่าวหาซ้ำเติมคุณวีระและคุณราตรี อีกด้วย เมื่อผมออกมาเสนอช่องทางกฎหมายเพื่อดำเนินการช่วยเหลือคุณวีระและคุณราตรี ก็รีบออกมาปฏิเสธทันทีว่าทำไม่ได้ อ้างเงื่อนไขต่างๆนาๆ

    จากข้อมูลเกี่ยวกับกรณีการโอนตัวนักโทษในช่วงตั้งแต่ปี 2533 ถึงเดือนเมษายน 2553 มีการโอนตัวนักโทษต่างชาติไปแล้วจำนวน 860 คน และมีการโอนตัวนักโทษไทยกลับมาจำนวน 8 คน

    ทุกท่านที่เคารพครับ สนธิสัญญาโอนนักโทษมีลักษณะเป็นข้อตกลงสองฝ่ายที่จัดทำขึ้นโดยอยู่บนพื้นฐานของหลักการถ้อยทีถ้อยอาศัย ดังนั้น ไม่ว่าจะมีเงื่อนไขใดที่เป็นอุปสรรคต่อหลักการดังกล่าวปรากฏอยู่ในสนธิสัญญา ประเทศคู่สัญญาก็ย่อมสามารถตกลงยินยอมกันเพื่อยกเว้นเงื่อนไขเหล่านั้นได้ และน่าจะง่ายกว่าการกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระมหากษัตริย์กัมพูชาที่ต้องขอให้พระองค์ท่านกระทำการที่อาจจะผิดต่อกฎหมายอีกด้วย เพราะเท่าที่ปรากฏในข่าวตามกฎหมายของกัมพูชานั้น นักโทษที่จะขออภัยโทษได้ต้องได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 แต่คุณวีระและคุณราตรี ยังรับโทษไม่ถึงอย่าว่าแต่มีสนธิสัญญาโอนนักโทษระหว่างไทยกับกัมพูชาที่นายกษิตและนายฮอร์ นัม ฮง ลงนามไว้เมื่อ 5 สิงหาคม 2552 แล้วในขณะนี้เลยครับ

    แม้ก่อนจะมีสนธิสัญญาไทยและกัมพูชาก็ได้มีการโอนนักโทษให้แก่กันมาแล้ว โดยนักโทษไทย 2 คน ที่เป็นชาวมุสลิมถูกกล่าวหาในความผิดฐานเป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งถือเป็นความผิดต่อความมั่นคง และนักโทษกัมพูชาต้องโทษถึงประหารชีวิตที่นายกษิต เองกล่าวว่าจะต้องดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษให้ก่อนอีกด้วย ข้อมูลนี้ปรากฏตามข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับวันที่ 13 กรกฎาคม 2552 ดังนี้ “นายกษิต ภิรมย์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า นักโทษชายไทยมุสลิม 2 คน ซึ่งถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย ที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากรัฐบาลกัมพูชา ตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนตัวนักโทษระหว่างไทยและกัมพูชา เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. พร้อมกับมีรายงานว่า นักโทษคนดังกล่าว ได้เข้าพบตน และภริยาตั้งแต่วันแรกที่เดินทางกลับ และขณะนี้อยู่ในการดูแลของทางการไทย ส่วนนักโทษกัมพูชาที่เราต้องส่งไปให้กัมพูชานั้น กฎหมายไทยต้องมีความตกลงว่าด้วยการโอนตัวนักโทษ ซึ่งได้เจรจาไปแล้วเมื่อวันที่ 10 ก.ค. และจะเอาเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่คงไม่ต้องนำเข้าสภาฯ เพราะมี พ.ร.บ.อยู่แล้ว คาดว่าจะลงนามกับฝ่ายกัมพูชาได้ที่ จ.ภูเก็ต และจะสามารถส่งตัวนักโทษกลับไปได้ตามสัญญาที่ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงกันไว้ รมว.ต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า ส่วนผู้ที่ต้องโทษประหารจะมีการดำเนินการเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ เพราะต้องลดโทษประหารให้เหลือโทษจำคุกตลอดชีวิตก่อน จึงจะสามารถส่งตัวไปได้ตามเงื่อนไขของกฎหมายไทย ทั้งนี้ ทางกัมพูชาได้ขอตัวนักโทษจำนวน 4 คน จากฝ่ายไทยให้กลับไปรับโทษต่อในกัมพูชา แต่มีเพียงคนเดียวที่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมายไทยที่จะส่งตัวไปได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติด”

    เห็นข้อมูลของนายกษิต ที่จะทำทุกวิถีทางแม้กระทั่งต้องรบกวนเบื้องพระยุคลบาทเพียงเพื่อที่จะช่วยนักโทษกัมพูชาที่ต้องโทษถึงประหารชีวิตให้ได้กลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนข้างต้น เปรียบเทียบกับความพยายามช่วยเหลือคุณวีระและคุณราตรี ของรัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ เท่าที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้แล้ว พ่อแม่พี่น้องรู้สึกอย่างไรบ้างครับ ( เรื่องมันแสนเศร้าจริงๆประเทศไทย) ผมจึงขอยืนยันอีกครั้งครับว่าการโอนตัวนักโทษยังเป็นช่องทางที่ดีที่สุดอีกช่องทางหนึ่งที่น่าจะสามารถช่วยคุณวีระและคุณราตรี กลับมาประเทศไทยได้ รีบเถอะครับท่านผู้มีอำนาจ ท่านผู้มหาจำเริญทั้งหลาย จะให้กราบอีกกี่ครั้งก็ยอมครับ

    สุดท้ายผมอยากจะกล่าวถึงปรัชญาการทำงานของผู้พิพากษาที่ทุกท่านทราบดีกันแล้วไว้ในที่นี้อีกครั้งว่า “ปล่อยคนผิด 10 คน ดีกว่าลงโทษคนไม่ผิดเพียงคนเดียว” ผมเป็นชาวพุทธเชื่อในบาปบุญคุณโทษ เวรกรรมมีจริงนะครับ ท่านผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่ผมได้กล่าวถึงข้างต้นระมัดระวังไว้บ้างก็ดีครับ

    อนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา
    sa_anuruk @ yahoo.co.th
    จากลิงค์ข่าว "อนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล"ยันการโอนนักโทษช่วย"วีระ-ราตรี"ทำได้แน่
  5. bookerian
    bookerian

    เห็นข้อมูลของนายกษิต ที่จะทำทุกวิถีทางแม้กระทั่งต้องรบกวนเบื้องพระยุคลบาทเพียงเพื่อที่จะช่วย นักโทษกัมพูชาที่ต้องโทษถึงประหารชีวิตให้ได้กลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนข้าง ต้น เปรียบเทียบกับความพยายามช่วยเหลือคุณวีระและคุณราตรี ของรัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ เท่าที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้แล้ว พ่อแม่พี่น้องรู้สึกอย่างไรบ้างครับ ( เรื่องมันแสนเศร้าจริงๆประเทศไทย) ผมจึงขอยืนยันอีกครั้งครับว่าการโอนตัวนักโทษยังเป็นช่องทางที่ดีที่สุดอีก ช่องทางหนึ่งที่น่าจะสามารถช่วยคุณวีระและคุณราตรี กลับมาประเทศไทยได้ รีบเถอะครับท่านผู้มีอำนาจ ท่านผู้มหาจำเริญทั้งหลาย จะให้กราบอีกกี่ครั้งก็ยอมครับ
    อ่านแล้วก็ปวดใจ...
    ยิ่งวันก่อนได้อ่านข่าวที่คุณวีระป่วยหนักจริงๆ จากปากของคนเป็นแม่ ...

    ต้องการอะไรหรือ..ท่านผู้มีอำนาจเกี่ยวข้อง ถึงไม่ทำ

    ..ขอบคุณคุณ อนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล มากๆ ค่ะ ขอบคุณจริงๆ

    ..ขอบคุณคุณ yourfwd ที่นำมาให้ได้รับรู้ค่ะ ..ขอนำไปส่งต่อ
Results 1 to 5 of 5